ไม่ ไม่ ไม่ ไม่… คำว่าไม่นอกจากมีความหมายด้านลบในตัวมันเอง ยังเป็นคำที่เติมนำหน้าคำใดแล้วจะเปลี่ยนให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม ทำให้สิ่งดีงามกลายเป็นเรื่องไม่ดีอย่างน่าเศร้าใจ และน่าแปลกที่คนเราเดี๋ยวนี้มักชอบพูดคำว่า “ไม่” เอาไว้ก่อน ไม่ดีเลย ไม่สวยเลย ไม่เห็นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เลย ยิ่งกับการเดินทางแล้วรู้หรือเปล่าว่าการพูดคำว่าไม่บ่อยๆ อาจทำให้ทริปที่คุณวาดหวังไว้ ทริปที่ใฝ่ฝัน ทริปที่น่าสนุกสนานแปรสภาพเป็นทริปอันน่าหดหู่ไปเสียได้
เพราะไม่อยากให้การท่องเที่ยวของใครต้องด้อยค่าลง ผมเลยมีคำต้องห้าม “7 ไม่” ที่อย่าได้พูดเด็ดขาดระหว่างเดินทาง ถอดคำว่าไม่ออกแล้วลองคิดลองมองในมุมกลับสักนิด ไม่ว่าจะทริปไหนก็พร้อมเป็นทริปที่น่าจดจำได้ทั้งนั้น เชื่อผมสิ
ไม่มีเงิน
เปลี่ยนเป็น… ก็ใช้เท่าที่มี
ถูกต้องว่าเงินเป็นสิ่งจำเป็น แต่หลายครั้งคำว่าไม่มีเงินที่เรามักพูดติดปากกลับมีความหมายแท้จริงว่า “ไม่มีเงินมากมายเหลือเฟือ” ต่างหาก ซึ่งบางทีการเดินทางท่องเที่ยวอาจไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้น สิ่งสำคัญกว่าการไม่มีเงินคือการที่คุณรู้จักบริหารเงิน ปัจจุบันเรามีรถไฟฟรี มีรถโดยสารราคาประหยัด แถมยังมีสองเท้าเป็นพาหนะที่ดีที่สุดในโลก สามารถพาคุณไปทุกหนแห่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสักแดง เพราะฉะนั้นบริหารเงินให้เป็น เที่ยวตามที่เรามี อย่าให้คำว่าไม่มีเงินมาปิดกั้นโอกาสเปิดโลกกว้างของคุณ
ไม่น่าสนใจ
เปลี่ยนเป็น… ดูซิว่ามีอะไรดี
ความน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจเป็นเรื่องของรสนิยม ฉะนั้นสิ่งที่ดูเหมือนว่าคุณไม่สนใจสักนิดอาจไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ตรงกันข้ามมันอาจเป็นสิ่งดีเลิศประเสริฐศรีก็ได้ และเมื่อคุณพูดว่าไม่น่าสนใจขึ้นมาเมื่อไหร่ สมองจะปิดกั้นการรับสิ่งใหม่ๆ โดยอัตโนมัติ เช่นถ้าบอกว่าการเที่ยวตลาดน้ำไม่เห็นมีอะไรน่าสน พอไปถึงที่คุณก็จะรู้สึกเบื่อทั้งทีความจริงมันอาจเป็นตลาดซึ่งมีของดีมากมาย วิถีผู้คนน่าเรียนรู้ คำว่าไม่น่าสนใจจึงไม่อยู่ในพจนานุกรมของนักเดินทาง มันจะดีกว่ามากเมื่อลองมองว่าอะไรทั้งหลายก็น่าสนใจ มาดูสักหน่อยว่ามันจะมีอะไรดี หลังจากสัมผัสมันแล้วคุณจะชอบหรือไม่ค่อยตัดสินกัน แต่อย่าตัดสินก่อนที่คุณได้ลองทำหรือได้เห็นโดยเด็ดขาด
ไม่เห็นสวย
เปลี่ยนเป็น… ก็มีเสน่ห์อีกแบบ
ครั้งหนึ่งผมเคยดูแคลนทะเลชะอำว่าไม่สวยเลยเพราะเคยเห็นทะเลสิมิลัน หลีเป๊ะ นางยวน มาแล้ว แต่ทะเลที่ไม่สวยสักนิดในความคิดของผมกลับเป็นทะเลที่งดงามมากสำหรับน้าสาวที่มีโอกาสเที่ยวทะเลแค่สองสามปีหน ดังนั้นหยุดเปรียบเทียบที่นี่กับที่นั่นซึ่งจะทำให้ทริปของคุณด้อยค่าลงอย่างเปล่าประโยชน์ สวยหรือไม่สวยเป็นแค่ความรู้สึกไม่ใช่ข้อเท็จจริง คุณค่าความสวยของแต่ละคนไม่เท่ากัน กระทั่งกรณีธรรมชาติฟ้าฝนไม่เป็นใจก็ยังไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนำมาตำหนิ ลองเปลี่ยนมาคิดว่ามันก็สวยอีกแบบหนึ่ง มันก็สวยในแบบที่มันเป็น หรือมันก็สวยด้วยความแตกต่างจะดีกว่า
ไม่ไหวหรอก
เปลี่ยนเป็น… ต้องทำได้สิ
ฉันขึ้นไม่ไหวหรอก ไกลแบบนี้เดินไปไม่ไหวหรอก ทางแบบนี้ไปไม่ได้หรอก ข้ออ้างทั้งหมดนี้เหมือนกันอย่างหนึ่งคือคนพูดยังไม่ได้ลงมือทำ ตีโพยตีพายเสียก่อนแล้วว่าคงทำไม่ได้คงไปไม่ถึง โอเคว่ายกเว้นผู้มีปัญหาด้านสุขภาพจริงๆ เช่นมีโรคประจำตัว ข้อเข่าข้อเท้าเสื่อม ร่างกายไม่พร้อม สังขารเกินรับ ความไหวหรือไม่ไหวนั้นล้วนขึ้นอยู่กับหัวใจ หากใจสู้คุณย่อมมองเห็นหนทาง วิ่งไม่ได้ก็เดิน เดินไม่ได้ก็คลาน คลานไม่ได้ก็กลิ้ง หรือถนนมันยากลำบากนักก็ไปช้าๆ พักบ่อยๆ สิ่งสำคัญคือไปให้ถึง ไม่ใช่ไปให้เร็ว พอถึงที่หมายเมื่อมองย้อนกลับมาแล้วคุณจะหัวเราะตัวเองว่า ก็ไหนบอกว่าไม่ไหวแล้วมาถึงได้ไงล่ะนี่
ไม่อยากตากแดด
เปลี่ยนเป็น… แดดดีๆ แบบนี้ถึงจะสวย
ความสวยงามของธรรมชาติมีไว้สำหรับคนไม่กลัวแดด ถามจริงว่าคุณชอบเที่ยวตากแดดหรือเที่ยวตากฝนกันล่ะ! อย่าเสียเงิน เสียเวลาการเดินทาง เสียวันลาพักร้อนโดยสูญเปล่าหรือใช้มันไม่คุ้มค่าเพียงเพราะว่าคุณกลัวแดดกลัวดำกลัวผิวเสีย บนโลกนี้มีอุปกรณ์กันแดดหลากหลาย เสื้อผ้า หมวก แว่น ครีมกันแดด ใช้เข้าไปสิไม่ได้ห้ามสักหน่อย หนำซ้ำยังแนะนำให้คุณป้องกันเสียด้วย และเมื่อป้องกันเรียบร้อยแล้วก็ต้องลุยให้เต็มที่ จำไว้เสมอว่าคนกล้าสู้แดดจะได้เห็นสิ่งสวยงามมากกว่าคนที่กลัวแดดเสมอ
ไม่เคยทำ
เปลี่ยนเป็น… ต้องลองสักหน่อย
ไม่มีใครเกิดมาแล้วทำเป็นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ คำว่าทำไม่เป็นหรือไม่เคยทำจึงไม่ใช่ข้ออ้างในการเริ่มต้นทำกิจกรรมต่างๆ คุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่งของนักเดินทางคือการเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ อะไรไม่เคยทำก็ลอง อะไรไม่เคยหัดก็ได้หัดกันตอนนี้แหละ ไม่เคยพายเรือก็ลองดู ไม่เคยขี่เอทีวีก็ลองดู ไม่เคยปีนหน้าผาก็ลองดู และเป็นเรื่องปกติที่คนเรามักตื่นเต้นกับอะไรใหม่ๆ ดังนั้นไม่แน่ว่าการได้ทำอะไรใหม่สักอย่างระหว่างเดินทาง อาจเปลี่ยนมาเป็นสิ่งซึ่งคุณรักที่จะทำในอีกตลอดชีวิตที่เหลือก็เป็นได้
ไม่ใช่ฉันเลย
เปลี่ยนเป็น… น่าสนุกไปอีกแบบ
แม้กระทั่งพระเจ้ายังไม่อาจรู้ว่าตัวตนของคุณเป็นอย่างไร เพราะมนุษย์เรามีความต้องการแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับอายุ ประสบการณ์ อารมณ์ สถานการณ์ สภาพแวดล้อมในช่วงเวลานั้นๆ อะไรที่คุณคิดว่ามันไม่ใช่คุณเลยจึงอาจเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง บางคนชอบเที่ยวคนเดียวแต่ยามเครียด มีปัญหา การเที่ยวคนเดียวกลับเป็นฝันร้ายเพราะเขาต้องการใครสักคนอยู่ด้วยมากกว่า หรือผมชอบนอนเต็นท์แบ็คแพ็คแต่วันหนึ่งได้นอนโรงแรมหรูคืนละหมื่นกลับรู้สึกว่านี่สินะความสบายของชีวิต ไม่งั้นสลับกันให้คนรักสบายลองมานอนเต็นท์กลางหมู่ดาวดูบ้างไหมล่ะ คุณจะได้เห็นสิ่งที่คิดว่ามันไม่เคยใช่ตัวคุณมาก่อน ดังนั้นอย่ายกคำว่าไม่ใช่ฉันเลยมาเป็นเหตุผลทำให้คุณเสียโอกาสลองทำอะไรบางอย่าง อย่าลืมสิว่านักเดินทางคือผู้เปิดรับสิ่งใหม่เสมอ
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller