ทริปเดินทาง : 2-3 ตุลาคม 2558
“หัวหินเป็นถิ่นมีหอย ไปได้บ่อยๆ ไปแล้วไปอีก” ปีนี้ไม่รู้ผมผูกพันอะไรกับหัวหินหนักหนาเพราะมีเหตุให้ต้องเวียนวนแถวนั้นหลายรอบเหลือเกิน และต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็มีเหตุให้ต้องหวนนั่งรถมุ่งลงใต้สู่หัวหินอีกรอบ เป็นทริปสำรวจโรงแรมน่ารักน่าพักชื่อว่า รอยัล พาวิลเลี่ยน หัวหิน
โรงแรมรอยัล พาวิลเลี่ยน หัวหิน ครับ อยู่ใกล้ปากซอยหัวหิน 70 ตรงข้ามปั๊มเอสโซ่ ก่อนไปเยือนลองเปิดหาในอากู๋พอรู้ว่าดูดีหรูหราน่านอนอยู่ รีวิวในอะโกด้ามากกว่าสองพันรีวิวได้มาตั้ง 8.2/10 คะแนน แต่เปิดหาแผนที่โรงแรมแล้วตงิดใจเล็กน้อย เพราะค่อนข้างคุ้นแถวนี้มากแต่กลับรู้สึกว่าไม่เคยเห็นตัวโรงแรมมาก่อน เอาเถอะไปให้ถึงเดี๋ยวก็ได้คำตอบเองแหละ
ก่อนเดินทางโทรศัพท์สอบถามทางโรงแรมได้รับคำแนะนำว่าให้นั่งรถตู้ กทม.-หัวหิน ของคิว จูน แอนด์ เจมส์ อนุสาวรีย์ชัย ฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี จะมาลงหน้าโรงแรมพอดี รถวิ่งราวสามชั่วโมง ราคา 180 บาท ออกจากเมืองกรุงสิบโมงเศษ ถึงตอนบ่ายโมงนิดๆ
ถึงที่หมายแล้วจึงต้องร้องอ้อ สาเหตุที่ไม่เคยเห็น รอยัล พาวิลเลี่ยน หัวหิน เพราะเป็นโรงแรมสร้างใหม่ เปิดมาแค่ประมาณสามปี คราวล่าสุดที่ผมมาขึ้นรถตู้วินตรงนี้กลับกรุงเทพ โรงแรมยังไม่ได้สร้างเลย และวินรถตู้ที่ว่ามาส่งถึงหน้าโรงแรมจริงครับ ลงรถแล้วก้าวอีกยี่สิบสามสิบก้าวก็เข้าโรงแรมแล้วล่ะ
ที่ตั้งทำเลโรงแรม สำหรับคนต้องการเที่ยวแบบรีสอร์ทพักผ่อนริมหาดคงว่าไม่ค่อยดี แต่ถ้าใครไม่สนใจหาดหัวหิน (ซึ่งผมไม่เคยสนเลย) ถือว่าเยี่ยมยอดมากครับ เดินทางสะดวก ติดถนน ใกล้ตลาดโต้รุ่ง หาของกินง่าย มีทั้งแฟลิมิลี่มาร์ท กับโลตัสเอ็กเพรสอยู่แค่ปลายจมูก หากใครไม่ได้ขับรถมาเองยิ่งสะดวกสุดๆ สองแถวเขียววิ่งผ่านหน้าโรงแรมให้ขวักไขว่
เข้ามาด้านในบรรยากาศบริเวณล็อบบี้ใช้ได้เชียว สวย สะอาดตา หรูหราเบาๆ แต่ไม่ไฮโซโอเว่อร์
เห็นว่าบริเวณฟร้อนท์ไม่มีแขก เลยเอ่ยถามเก๊กเสียงหล่อสักหน่อยว่า “น้องครับ รบกวนยืนเป็นแบบให้พี่ได้ไหมเอ่ย”
เวลคัม ดริงค์ เป็นน้ำกระเจี๊ยบเย็นฉ่ำ ขอเพิ่มเติมกันได้ไม่มีว่า
ถือว่าโชคดีมากที่รีบลั่นชัตเตอร์เก็บภาพไว้ก่อน เพราะอีกไม่ทันครบนาทีรถตู้คันหนึ่งก็พาแขกนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนกลุ่มใหญ่มาเช็คอินพอดี ที่รู้เพราะสอบถามโรงแรมน่ะครับ เขาบอกว่านักท่องเที่ยวจีนที่เราเห็นคุยขโมงโฉงเฉงที่หัวหินน่ะ ส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ไม่ใช่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และลูกค้าต่างชาติกลุ่มหลักของหัวหินตอนนี้มาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นส่วนมากด้วย
ด้านข้างล็อบบี้คือ The Recipe ห้องอาหารขนาดกะทัดรัด มีโซนอินดอร์ เอาต์ดอร์ เปิดสิบเอ็ดโมงถึงสี่ทุ่ม
โรงแรมเขามีรถรับส่งบริการฟรีหลายที่วันละหลายรอบทั้งชายหาดหัวหิน สถานีรถไฟ เพลินวาน ตอนเย็นมีไปตลาดโต้รุ่ง พอสุดสัปดาห์ มีเพิ่มเติมไปซิเคด้า มาร์เก็ต หรือ ตลาดนัดจั๊กจั่นอันโด่งดัง
หรือหากจะเช่ามอเตอร์ไซค์ก็สามารถติดต่อที่ฟร้อนท์ 250 บาทต่อวัน รถจากร้านเช่าจะมาส่งหน้าโรงแรม แล้วเห็นมีป้ายบริการนำเที่ยวด้วย ตั้งแต่โซนเพชรบุรี เขาวัง ถ้ำเขาหลวง ไล่มาชะอำ ซานโตรินี่ สวิส ชีพ ฟาร์ม คาเมล รีพับลิก เดอะ เวเนเซีย จนถึงไร่องุ่นหันหิว น้ำตกป่าละอู ก็แล้วแต่ความชอบครับ สำหรับผมบอกเลยว่ามอเตอร์ไซค์คันเดียวเอาอยู่
เอาล่ะ เช็คอินเข้าห้องพักกันดีกว่า ผมได้พักห้องพรีเมียร์ สวีท ดูราคา Rack Rate ที่ติดหน้าเคาน์เตอร์แล้วอาจตกใจ แต่ถ้าจองผ่านอะโกด้าหรือเว็บจองโรงแรมอื่นๆ เท่าที่ผมเช็คดูก็อยู่ราวสองพันห้า ประมาณนั้น ขณะที่ห้องแบบอื่นๆ ก็ราคาลดหลั่นกันลงไป
ห้องพักสวยและดูสะอาดมากครับ ใช้สีขาวเป็นหลักตัดกับสีฟ้าซึ่งคงไม่ต้องบอกล่ะนะว่าให้ฟีลท้องทะเล ห้องพรีเมียร์ สวีทนี้แบ่งเป็นสองส่วนคือห้องนั่งเล่น มีชุดโซฟา ทีวี มุมมินิบาร์ กว้างขวางสบายใช้ได้เลย
อีกส่วนคือห้องนอน ทางโรงแรมจัดไว้ค่อนข้างพิเศษอยู่สักหน่อย ผ้าขนหนูพับเป็นรูปหงส์คู่ มีกลีบกุหลาบโรยบนเตียง รู้สึกปลื้มปริ่มเล็กๆ เพราะแสดงว่าเขาเห็นเราเป็นคนสำคัญนะนี่
ห้องน้ำโอเคเลยครับ มีอ่างอาบน้ำด้วยสบายแน่ๆ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมครับ รวมถึงชุดแปรงสีฟัน ไม่ต้องพกอะไรมาก็เข้าพักได้เลย
เอนหลังพักบนโซฟาตากแอร์จนเย็นฉ่ำจนหนังตาชักคล้อย ก็ถึงเวลานัดกับทางโรงแรมเพื่อนวดสปา จากข้อมูลที่ตอนแรกเห็นว่าที่โรงแรมมีสปายังนึกสงสัยเหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน คำตอบคือเขาดัดแปลงห้องพักชั้นสองมาเปิดเป็นสปาครับ บรรยากาศอาจไม่หรูเลิศเหมือนสปาตามโรงแรมรีสอร์ทส่วนใหญ่ แต่ผมว่าก็เหมาะดีนะ ดูเรียบง่ายด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือไม่แพงมาก
เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อย
งานนี้ผมโลภมากขอสอง คือส่วนตัวอยากจะนวดน้ำมันอโรม่า ซิกเนเจอร์ โดยใช้น้ำมันอุ่น มีให้เลือกสามกลิ่น ลาเวนเดอร์ ดอกไม้ไทย และตะไคร้หอม แต่คุยกับป้าสีดา หมอนวดมือฉมังแล้วได้ความว่าคุณป้ามีการนวดเท้าแบบกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า ดีกว่าการนวดฝ่าเท้าตามร้านทั่วไป ผมเลยหน้าด้านขอคุณป้านวดอย่างละชั่วโมงได้ไหม ผมกล้าขอคุณป้าก็กล้าให้ครับ (ฮา…) ราคานวดกดจุดเท้าตามปกติคือ 400 บาท นวดอโรมา ซิกเนเจอร์ 600 บาท ถือว่าเป็นการนวดที่ไม่แพงนะโดยเฉพาะกับการนวดในโรงแรม
นวดกดจุดสะท้อนเท้าเป็นอะไรที่ถูกใจผมมากครับ ปกติผมชอบนวดเท้าอยู่แล้วแต่มักเจอไม่ขาดก็เกิน นานทีจึงจะเจอหมอนวดถูกใจ แถมคราวนี้เป็นการนวดกดจุดจากหมอที่มีความรู้ทางศาสตร์ด้านนี้จริงๆ จับแป๊บเดียวรู้อาการแล้วว่าผมเส้นตึงตรงไหน ปวดตรงไหน ควรแก้ยังไง แถมเดาออกอีกว่าผมน่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ใครมานวดกดจุดสะท้อนเท้าที่นี่ขอรีเควสต์ขอป้าสีดาแกเป็นคนนวดเลยครับ นอกจากนวดสบายแล้วยังพูดคุยน่ารักมาก สำหรับการนวดน้ำมันก็ผ่อนคลายสบายตัวเช่นกัน
ช่วงเย็นยามดินเนอร์ นอกจากห้องอาหาร The Recipe ที่นี่ยังมีห้องอาหารอีกแห่งบนดาดฟ้าบรรยากาศดี Blue Sky Bar เปิดตั้งแต่หกโมงครึ่งถึงประมาณห้าทุ่มเที่ยงคืน แขกนอกสามารถมาใช้บริการได้ วันนี้ฟ้าครึ้มแต่ฝนไม่ตก ลมพัดเย็นสบายไปเลย
อาหารที่โรงแรมจัดเตรียมไว้มีสามอย่าง สเต็คพอร์คช็อปพริกไทยดำ บรูสเกตต้าอกเป็ดรมควัน ปีกไก่ทอดสมุนไพร รสชาติใช้ได้เลย อร่อยถูกปากทุกอย่าง ชอบสุดเห็นจะเป็นบรูสเกตต้าอกเป็ดรมควันเพราะนานมากจึงจะได้กินเมนูนี้สักที
ค็อกเทลที่ผมได้ลองคือ Margarita กับ Tequila Sunrise เตกีล่าผสมกับน้ำส้มคั้นกับน้ำทับทิม และแก้วที่มีสับปะรดคือ Pina Colada เป็น รัม มาลิบู น้ำสับปะรด น้ำมะพร้าว หอมกลิ่นมะพร้าวแต่รสติดเปรี้ยวฝาดนิดหน่อยอร่อยดีครับ
บรรยากาศที่ Blue Sky Bar หลังพระจันทร์ส่องแสง ลมเย็นสบาย ผมไม่มีอะไรให้รีบร้อนก็นั่งละเมียดละไมไปเรื่อย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรแก่การถล่มเตียงนอนแสนสวย
รุ่งขึ้นตื่นตอนเช้าแต่หัววัน ห้องอาหารเช้าเปิดตั้งแต่ 6.30 – 10.00 น. แขกที่นี่ค่อนข้างเยอะเกือบเต็มต้องรีบลงมาถ่ายห้องอาหารเช้าก่อนจะกระจัดกระจาย ลงมาก่อนเวลาเปิดเล็กน้อย เอ๊ะ… สาวคนนั้นใครเอ่ยคุ้นหน้าเหลือเกิน พนักงานที่มาเสิร์ฟเวลคัม ดริงค์ ยังไงล่ะ วันนี้ใส่ชุดไทยสวยเชียว น้องเขาบอกว่าแต่งแบบนี้ทุกเสาร์-อาทิตย์ และเพื่อไม่ให้เสียโอกาสก็ต้องขอแช้ะมาซะสิ
ห้องอาหารเช้าชื่อว่า Emperor Atrium ไม่ใหญ่มากครับ แต่โปร่งสบายและสะอาดตาทีเดียว เห็นโล่งแบบนี้พอเลยเวลาเปิดมาแค่พักเดียว แขกเริ่มทยอยลงมาแล้วล่ะ นักท่องเที่ยวทัวร์ก็แบบนี้คือรีบตื่นรีบกินจะได้รีบไปเที่ยว
ต่อมารีบเก็บไลน์อาหาร คงไม่อาจเรียกว่าหลากหลายละลานตาจนเลือกตักไม่ถูก แต่ก็ค่อนข้างพร้อมและไม่ขาดตกบกพร่อง อาหารเบาๆ มีข้าวต้มหมู โจ้ก ส่วนเบรกฟาสต์แบบตะวันตกไส้กรอก แฮม เบคอน ไข่ดาว พวกนั้นขาดไม่ได้อยู่แล้ว อาหารไทยมีนิดหน่อยเป็นข้าวสวยกับกับข้าวสองสามอย่าง มีไลน์ขนมปังให้เลือกหลายชนิด คอนเฟล็ค โยเกิร์ต สลัด ผลไม้ ว่ากันไป มาติดใจอีกอย่างตรงเครื่องทำแพนเค้กครับ เพิ่งเคยเห็น รสชาติโอเคเลยนะ ราดน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเมเปิ้ลเข้ากันดี
เสาร์-อาทิตย์ มีพิเศษเพิ่มเติมตรงขนมไทยครับ สอบถามแล้วได้ความว่าโรงแรมไม่ได้ทำเองแต่รับมาอีกที น่าเขกกะโหลกตัวเองที่ดันลืมถามสนิทเลยว่าจากร้านไหนเพราะอร่อยใช้ได้เชียวล่ะ
วันนี้ไม่มีอะไรต้องให้รีบ ใช้เวลาในห้องสบายๆ แล้วก็สำรวจโรงแรมเพิ่มเติมอีกนิด มีสระว่ายน้ำเล็กๆ ด้วยนะ เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
เช็คเอาต์ออกก่อนเที่ยงเล็กน้อย ขากลับง่ายแสนง่ายเพราะคิวรถตู้อยู่ข้างโรงแรม ช่างเป็นอะไรที่สะดวกสบายเหลือเชื่อ
ไหนๆ ก็มาทางนี้แล้ว ขออีกนิดนะครับ (ฮา…)
เวลาราวหนึ่งวันเต็มที่รอยัล พาวิลเลี่ยน หัวหิน โอเคมากครับ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนต้องการเที่ยวหัวหินโดยไม่ง้อว่าต้องพักโรงแรมรีสอร์ทริมชายหาด โรงแรมใหม่ สะอาด สบาย พนักงานยิ้มแย้ม น่าประทับใจ และยังมีอีกเหตุผลดีที่จะใช้พิจารณากลับมาพักที่นี่ในฐานะแขกเต็มตัวครับ คือป้าสีดาแกกระซิบบอกว่ามาคราวหน้าจะลดราคาให้พิเศษ… นั่นแหละประเด็น!
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller