สี่วันสามคืน 1,219 โค้ง @ อุ้มผาง-ทีลอซู ชีวิตนี้สักครั้งต้องโดน

umpang_000

ทริปเดินทาง : 21-24 ตุลาคม 2559

ย้อนกลับไปสมัยยังเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่รู้จักคำว่าการเดินทาง ผมเคยมาเที่ยวน้ำตกทีลอซู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก กับเพื่อนที่ทำงานครั้งหนึ่ง เห็นความอลังการของมันแล้วสัญญากับตัวเองเลยว่าสักวันต้องพาคู่ชีวิตมาเที่ยวด้วยให้ได้ จนมาปีนี้นี่ที่ประสบการณ์เดินทางเยอะขึ้น จึงเห็นว่าน่าจะถึงเวลาพา “เธอ” ไปยลโฉมน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านเราเสียที

บังเอิญมีเพื่อนรุ่นน้องในกลุ่มเที่ยวถ่ายภาพทางเฟซบุ๊คเปิดร้านกาแฟอยู่อุ้มผาง จึงเปิดแช็ตทักทายไปขอคำแนะนำ เพราะอย่างที่รู้กันว่าการเที่ยวอุ้มผางแบบแบ็คแพ็คค่อนข้างลำบาก ส่วนมากต้องซื้อทัวร์เป็นรายหัวซึ่งไปแค่สองคนคงไม่ไหว ปรากฎว่ารุ่นน้องคนนั้นมีเพื่อนซี้เป็นเจ้าของรีสอร์ทนำเที่ยวชื่อ ดอกเสี้ยวทัวร์ เลยจัดการติดต่อให้เสร็จสรรพ

“มาได้เลยพี่ รีสอร์ทไม่มีลูกค้า เดี๋ยวพวกผมจัดการพาเที่ยวเอง กำลังอยากไปเก็บภาพกันพอดี” รุ่นน้องบอก พอได้คำตอบแบบนี้ผมกับคุณนายเธอรีบเก็บกระเป๋ากันแทบไม่ทัน (ฮา…)


(1)

เดินทางช่วงหยุดยาวปิยมหาราช ผมพักอยู่ที่โคราช แต่ทริปนี้มาตั้งต้นที่ กทม. เพื่อความสะดวก เดินด้วยรถทัวร์จากหมอชิตไปแม่สอด รอบสามทุ่มครึ่ง ประมาณตีห้านิดๆ ก็ถึงที่หมาย ไม่รู้มาก่อนว่าช่วงเช้าตรู่ที่บขส.แม่สอด คนเยอะมากครับ ทั้งไทย พม่า มุสลิม ต่างคนต่างเดินทางก่อนสว่างเสียอีก

umpang_001

umpang_002

จาก บขส.แม่สอด มีสองแถวเข้าอุ้มผางวิ่งทุกชั่วโมง เที่ยวแรก 7.30 น. หรือออกก่อนหน้านั้นถ้าคนเต็ม เที่ยวสุดท้าย 14.30 น. รถมาเทียบท่าปุ๊บผมปรี่ไปถามค่าโดยสาร ได้ความว่าคนละ 130 บาท สำหรับนั่งข้างหลัง ส่วนนั่งหน้าข้างคนขับได้สองคนสบายกว่า คิด 150 บาท ซึ่งด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของคนข้างกายเลยจองนั่งหน้าสองคนแล้วกัน เพราะช่วยบรรเทาการเมารถได้ด้วย

umpang_003

ระยะทางจากแม่สอด ไปอุ้มผาง 150 กิโลเมตร ผ่านถนน 1,219 โค้ง แนะนำว่าใครเมารถง่ายให้กินยาป้องกันไว้ก่อน ที่ บขส. แม่สอด มีขาย ระหว่างทางจะจอดพักที่บ้านอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ ให้เรากินข้าวแก้หิว เบ็ดเสร็จกว่าจะถึงอุ้มผาง รถต้องวิ่งยาวสี่ชั่วโมงแน่ะ

ถนนแม่สอด-อุ้มผาง ได้รับการเรียกขานว่าถนนลอยฟ้า ตลอดทางมีวิวสวยๆ แบบนี้เยอะแยะ

umpang_004

umpang_006

umpang_005

สักเที่ยงครึ่งสองแถวก็มาส่งเราสองคนถึงที่หมาย “ดอกเสี้ยวทัวร์” เราบอกคนขับได้ครับว่าจะไปที่ไหน ถ้าอยู่ในตัวอุ้มผางหรือไม่ไกลเกินเขาจะไปส่งให้ สำหรับบรรยากาศที่พักเป็นไปตามสไตล์อุ้มผาง เรียบง่าย แสนธรรมดา แต่ร่มรื่น มีเครื่องทำน้ำอุ่นทุกห้อง ส่วนแอร์ไม่จำเป็นสำหรับที่นี่ครับ

umpang_007

umpang_008

umpang_009

umpang_010

เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนของรุ่นน้องยิ้มแย้มต้อนรับอย่างดี พักเนื่อยสักนิดแล้วก็พาไปร้านกาแฟรุ่นน้องผมนี่แหละ ชื่อว่าอาโม-อาปา เป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่าแม่กับพ่อ กาแฟที่นี่รสเข้มถูกใจ (อวยกันเห็นๆ) บรรยากาศร้านดูดีเพราะเจ้าตัวเป็นเด็กศิลป์อยู่แล้ว นอกจากเครื่องดื่มต่างๆ ยังมีอาหารข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ราคามิตรภาพ

umpang_012

umpang_013

umpang_014

umpang_015

เม้าท์มอยตามประสาสักพัก เย็นวันนี้เรามีจุดหมายคือขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกที่ดอยหัวหมด อธิบายก่อนว่าดอยหัวหมดเป็นแนวเทือกเขาทอดตัวยาวหลายกิโลเมตรเลียบไปตามถนนอุ้มผาง-ปะหละทะ-กะแง่ดี มีจุดชมวิวซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปกันอยู่ที่ กม.10 แต่จริงๆ แล้วจุดสูงสุดของดอยอยู่ตรง กม.8 ต้องจอดรถริมถนน แล้วเดินขึ้นไปสี่สิบนาที ชมได้ทั้งพระอาทิตย์ตกและขึ้น

รวมพลพร้อมแล้วมี ผม คุณเธอ รุ่นน้อง เพื่อนของรุ่นน้อง – เจ้าของรีสอร์ท เพื่อนของเพื่อนของรุ่นน้องอีกคน และแฟนของเพื่อนของเพื่อนของรุ่นน้องคนนั้น (งงไหมครับ… ฮา) เป็นหกคนเดินขึ้นยอดดอยหัวหมด เห็นว่ายอดอยู่ไม่สูงเท่าไหร่ แต่เดินยากเหลือเกิน เพราะทางเป็นหินกรวดลื่นมาก ต้องก้าวสั้นๆ ช้าๆ ประคองตัวกันสุดๆ

umpang_016

umpang_017

umpang_018

เมื่อเทียบกับวิวที่เราเห็นแล้วต้องบอกเลยว่าคุ้มค่า และแม้แสงเย็นที่ต้องการจะไม่มาตามนัดเพราะเมฆฝนก้อนใหญ่ลอยมาคลุมหมด แต่ไม่เป็นไรครับ บรรยากาศที่เห็นถือว่าสวยมากแล้ว

umpang_019

umpang_020

umpang_021

umpang_022

ลงมาแล้วแวะถนนคนเดินสักนิด อยู่ในซอยภูดอยแคมป์ไซต์ มีทุกศุกร์และเสาร์ เริ่มตั้งแต่ปลายตุลาคมถึงราวเดือนมีนาคม ส่วนมากเป็นของกิน ซึ่งก็เหมาะกับพวกเราที่มาหากับแกล้มไปนั่งดวดเบียร์กัน… ที่เหลือจากนี้คงไม่ต้องว่ากันแล้วล่ะนะ


(2)

ตื่นเช้ามาอากาศดีๆ ได้ข้าวต้มเครื่องร้อนๆ ที่ดอกเสี้ยวทัวร์เติมท้อง เรียบง่ายแต่อร่อยมากครับ

umpang_023

วันนี้เราหกคนรวมพลเหมือนเดิม มุ่งหน้าสู่น้ำตกทีลอซู ซึ่งเหมือนที่หลายคนรู้กันว่าถนนจากปากทางเข้าสู่น้ำตก 25 กิโลเมตร เราสามารถนั่งรถเข้าไปทีเดียวก็ได้ แต่หากอยากได้อรรถรสต้องล่องเรือยางตามลำน้ำแม่กลอง ผ่านน้ำตกทีลอจ่อ แก่งตะโคะบิ จนถึงหน่วยพิทักษ์ฯ ผาเลือด นั่นคือครึ่งทาง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นรถโฟร์วีลต่อไปอีก 10 กิโลเมตร

ปีนี้ถนนเข้าทีลอซูเปิดตั้งแต่เดือนตุลาคม (ปกติเปิดพฤศจิกายน) เป็นช่วงฝนยังตกทำให้สภาพเละเทะ แต่หากพ้นช่วงฝนไปแล้วมีการเกลี่ยถนนใหม่ ก็ไม่ต้องลุยมากแค่ผจญฝุ่นแดงๆ ให้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเท่านั้นพอ

เอาล่ะ… เรามาเริ่มเดินทางด้วยการล่องเรือยางเลยดีกว่า งานนี้เจ้าของรีสอร์ทดอกเสี้ยวทัวร์อาสาเป็นคนพายนำเอง ลูกชายแห่งอุ้มผางคนนี้พายเรือนำเที่ยวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายเชียวล่ะ

umpang_024

สองข้างทางสวยมากมาย พอมาถึงน้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายฝน ก็จอดเรือรอให้แดดออก ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นสายรุ้งสวยๆ แบบนี้ รุ้งจะมีให้เห็นเฉพาะมุมแสงช่วงสายเท่านั้นและต้องเป็นช่วงแดดดี ดังนั้นในฤดูหนาวที่น้ำยังมีและฟ้าเปิดจึงถือเป็นเวลาดีที่สุดสำหรับชมน้ำตกทีลอจ่อครับ ส่วนในภาพที่เราเจอถือว่าแค่ครึ่งๆ กลางๆ เพราะฟ้าเมฆค่อนข้างเยอะ

umpang_025

umpang_026

umpang_027

umpang_028

หลังจากนั้นเราแวะพักที่จุดสกัดบ่อน้ำร้อนแป๊บนึง มีของกินขายเล็กๆ น้อยๆ ช่วงที่เราไปน้ำในแม่น้ำขึ้นสูงเลยดันเข้ามาในบ่อน้ำร้อนทำให้ลงแช่ไม่ได้ หากเป็นปกติน้ำจะใสลงแช่ได้สบาย

umpang_029

umpang_030

อีกสักพักหนึ่งก็มาได้ลุยแก่งเล็กๆ ชื่อว่าแก่งตะโคะบิ เก็บแอ็คชั่นสวยๆ มาฝากกัน

umpang_031

umpang_032

เรือของเรามาถึงหน่วยพิทักษ์ฯ ผาเลือด ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง นักท่องเที่ยวหนาตาทีเดียว เราไม่รีบมากครับจัดการซัดอาหารกลางวันที่เตรียมมากันก่อน เห็นง่ายๆ แบบนี้แต่อร่อยสุดยอด

umpang_033

umpang_034

umpang_035

พอท้องอิ่มพร้อมเดินทางต่อ ฝีพายเรือยางก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นโชเฟอร์โฟร์วีล เส้นทางโหดเหลือเกิน บางช่วงเละจนไม่อยากเชื่อว่าจะผ่านไปได้ ยกความดีความชอบให้พลขับนั่นแหละ เจ้าตัวบอกว่าขับรถขึ้นทีลอซูมาตั้งแต่ 15 ก่อนจะมีรถโฟร์วีลใช้เสียอีก ตอนนี้ 27 มีทั้งประสบการณ์และรถที่ดีกว่าเดิม เพราะฉะนั้นจะทางโหดแค่ไหนก็สบายมาก

umpang_036

umpang_037

umpang_038

มาถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เหลืออีกเพียง 1.5 กิโลเมตร ในการเดินเท้าสู่น้ำตกทีลอซู ซึ่งง่ายแสนง่ายเพราะเขาทำทางเดินคอนกรีตอย่างดี จ้ำแป๊บเดียวยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว

umpang_039

umpang_040

ภาพของทีลอซูตรงหน้า ทำเอาผมหัวใจพองโต ในที่สุดผมก็พาเธอมาเห็นภาพแบบนี้กับตาจนได้

umpang_041

umpang_042

umpang_043

umpang_044

นอกจากที่จุดชมวิว เราสามารถเดินลัดเลาะไปตามชั้นต่างๆ ของน้ำตกได้ด้วย เน้นนิดหน่อยว่าควรใช้ความระมัดระวังด้วยล่ะ

umpang_045

umpang_046

umpang_047

เราถ่ายรูปเล่นและชื่นชมความยิ่งใหญ่ของทีลอซูจนถึงเวลาอันสมควรก็ต้องกล่าวคำอำลา ขากลับยิงยาวรวดเดียวด้วยรถจนถึงรีสอร์ท กว่าจะถึงที่หมายสภาพรถก็เปราะเปื้อนเละเทะจนไม่รู้จะล้างได้อย่างไรไปเลยทีเดียว

อ้อ… สำหรับใครอยากค้างที่ทีลอซู ทางเขตรักษาพันธุ์ฯ มีลานกางเต็นท์และห้องน้ำสะอาดสะอ้านให้บริการนะครับ กรณีค้างแรมทางคนขับรถจะคิดค่าเวลาเพิ่มเติม คืนละ 500 บาท หากมีโอกาสผมก็อยากมานอนอาบบรรยากาศเหมือนกัน แถมเป็นทางเดียวที่จะได้ชมแสงเช้าสวยๆ ที่น้ำตกอีกต่างหาก

umpang_048

umpang_049


(3)

วันที่สามในอุ้มผาง มีข้าวต้มกุ๊ยรอแต่เช้า ของโปรดผม เป็นเช้าที่เจริญอาหารอีกมื้อ

umpang_050

วันนี้โปรแกรมของเราคือเที่ยวรอบนอก หรือเที่ยวสถานที่อื่นๆ ในอุ้มผางนั่นเอง มีที่สวยๆ นอกจากทีลอซูอีกเยอะครับ

เริ่มแรกไปที่วัดหนองหลวง ชมโบสถ์ไม้สักขนาดเล็กแต่สวยงามใช่ย่อย ด้วยความที่ในอุ้มผางไม่ได้มีวัดเยอะแยะ โบสถ์หลังนี้จึงกลายเป็นจุดเด่นไปโดยปริยาย

umpang_051

umpang_052_1

umpang_053

ถัดไปคือการเที่ยวชมถ้ำตะโคะบิ ที่นี่จัดตั้งเป็นวนอุทยาน ถ้ำมีความยาว 3 กิโลเมตร ผมเคยเดินทะลุจากฝั่งหนึ่งออกอีกฝั่งมาแล้ว เดี๋ยวนี้มีการนำเยาวชนท้องถิ่นมาเป็นไกด์พานักท่องเที่ยวชมหินงอกหินย้อย ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีครับ

เราเดินเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ชมความงามจนพอใจก็กลับออกมา สินน้ำใจแก่น้องๆ หนูๆ ก็แล้วแต่จะให้แล้วกัน

umpang_054

umpang_055

umpang_056

umpang_057

กลับไปกินข้าวและกาแฟที่ร้านอาโม-อาปา สักแป๊บ คราวนี้เที่ยวต่อที่น้ำตกปะหละทะ วนอุทยานอีกแห่งของอุ้มผาง อยู่ที่บ้านปะหละทะ ห่างจากตัวอำเภอราว 20 กิโลเมตร ทางจากหมู่บ้านเข้าไปน้ำตกเป็นลูกรังนะ รถเล็กห้ามเข้าเด็ดขาด

เทียบกับทีลอซู น้ำตกปะหละทะอาจเป็นอะไรที่เล็กๆ แต่ช่วงที่ผมไปน้ำเยอะมีความสวยและชุ่มฉ่ำไม่น้อย นักท่องเที่ยวแวะมาเล่นน้ำเป็นระยะ บรรยากาศดีครับเพราะไม่โหวงเหวงและไม่วุ่นวายเกินไป

umpang_058

umpang_059

umpang_060

umpang_061

ขากลับจากน้ำตกปะหละทะ ผ่านดอยหัวหมด เราตัดสินใจขึ้นยอดดอยไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตกอีกสักรอบ แต่ปรากฎว่าแห้วเหมือนเดิม ตอนเดินขึ้นฟ้ายังใสๆ ทว่าพอเริ่มเย็นปรากฎว่าฟ้าปิดส่อแววเมฆฝนคำรามจนต้องรีบเดินลงเสียอย่างนั้น แต่ถือว่าได้ภาพสวยๆ ในอีกมุมมองเหมือนกัน

umpang_062

umpang_063

umpang_064

umpang_065

คืนนั้นร่างกายของทุกคนชักอ่อนล้าแล้วล่ะ พักการสังสรรค์มานอนเอาแรงดีกว่านะ (ฮา…)


(4)

มาเที่ยวเพลินๆ สนุกๆ แบบนี้ทีไร ถึงเวลาต้องกลับแล้วรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งทีเดียวเชียว

วันสุดท้ายที่อุ้มผาง ผมกับคุณนายตื่นตั้งแต่ก่อนสว่างเพื่อไปยังดอยหัวหมดเฝ้าพระอาทิตย์ขึ้น คราวนี้ไปที่จุดชมวิว กม.10 ไม่ต้องเดินไกลเหมือนก่อน ผู้คนล้นหลามตามธรรมเนียม แต่อีกนั่นแหละครับที่พระอาทิตย์ขี้อายหลบอยู่หลังเมฆอีกแล้ว

umpang_066

umpang_068

umpang_067

จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินทางกลับ ซึ่งน้องเจ้าของรีสอร์ทดอกเสี้ยวทัวร์ อาสาพาเราไปส่งถึงตัวเมืองตาก และจะพาแวะเที่ยวรายทางด้วย

เพื่อความไม่ยืดเยื้อตัดฉับมาเที่ยวสามน้ำตกรายทางขากลับเลยแล้วกัน อยู่ในเขตอำเภอพบพระ เข้าได้จากถนนแม่สอด-อุ้มผาง ทั้งหมด

น้ำตกแรกคือน้ำตกป่าหวาย ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ เข้าจากถนนแม่สอด-อุ้มผาง ที่บ้านชิบาโบ 14 กิโลเมตร ถึงลานจอดรถแล้วเดินลงน้ำตกสะดวกสบาย เป็นน้ำตกหินปูนชั้นเล็กๆ ลดหลั่นลงไป เฉพาะตัวน้ำตกผมว่าสวยดีนะ แต่ติดตรงที่พื้นดินเป็นสีแดงเข้ม ทำให้มองดูน้ำไม่ใสทั้งที่ความจริงใสใช้ได้

umpang_069

umpang_070

umpang_071

ต่อมาคือน้ำตกพาเจริญ ที่ทำการอุทยานฯ ใครมาเที่ยวอุ้มผาง ขากลับมักได้แวะเที่ยวทั้งนั้น ตอนนี้ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ เพราะอยู่ในระหว่างการเตรียมการจัดตั้ง ยังไม่ได้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา

umpang_072

umpang_073

สุดท้ายคือน้ำตกธารารักษ์ หรือชื่อเก่าว่าน้ำตกผาชัน เข้าจากถนนใหญ่เพียงไม่กี่ร้อยเมตร เป็นน้ำตกในความดูแลของชุมชน ตกมาจากหน้าผาชั้นเดียว ในพื้นที่จัดทำลานจอดรถ เพิงนั่งพักผ่อนหย่อนใจริมอ่างเก็บน้ำ ค่อนข้างเที่ยวง่ายและสบายไม่น้อย

umpang_074

umpang_075

umpang_076

umpang_077

ส่วนท้ายที่สุดของที่สุด หากใครจะแวะซื้อของฝากที่ตลาดริมเมย ด่านชายแดนไทย-พม่า ก็ตามแต่สะดวก ของเด่นๆ เห็นจะเป็นพวกเครื่องสำอางค์ เครื่องประดับ เรื่องคุณภาพผมก็ไม่มีความรู้เสียด้วย ดูกันเอาเองแล้วกันนะ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย

umpang_078

umpang_079

มาถึง บขส.ตาก ช่วงเย็นย่ำ เราสองคนนั่งรถโดยสารไปพิษณุโลก เพื่อต่อรถกลับถิ่นที่พักโคราช ปิดทริปอย่างสมบูรณ์ ขอบอกว่าทริปนี้เป็นการเที่ยวที่หนักมาก เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน และอย่างที่เห็นครับคือได้ภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำเพียบเลย

มาอุ้มผางทั้งที กว่าจะผ่าน 1,219 โค้งมาได้ ต้องเที่ยวให้สะใจแบบนี้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีดีแค่น้ำตกทีลอซูเพียงอย่างเดียว

ใครสนใจอยากเที่ยวอุ้มผางและน้ำตกทีลอซูแบบมันๆ ติดต่อดูได้ครับ ดอกเสี้ยวทัวร์ โทร. 089-860-5070, 089-958-9347 หรือเข้าไปดูเฟซบุ๊คของรีสอร์ท www.facebook.com/dokseawclub ให้ตัดค่าการเป็นคนรู้จักกันออกไป ผมก็ยังรับรองครับว่าที่นี่บริการโอเคไม่แพ้ที่อื่น

ส่วนตัวผมจากนี้ไปอุ้มผางอาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ไปเที่ยวได้บ่อยๆ มากกว่าหลายปีไปสักครั้งหนึ่ง เพราะจากแค่การเป็นเพื่อนของเพื่อนกับรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตอนนี้น่าจะขยับมาเหลือแค่เราเป็น “เพื่อน” คำเดียวได้แล้วล่ะ (ฮา…)


แนะนำการท่องเที่ยวในอุ้มผาง

การเที่ยวในอุ้มผางไม่เหมือนเที่ยวที่อื่นโดยทั่วไป การขับรถมาวอล์คอินหาที่พักเอง แล้วนึกอยากเที่ยวไหนค่อยไปเองเป็นเรื่องไม่นิยมสักเท่าไหร่

ที่ได้รับความนิยมคือซื้อแพ็คเกจทัวร์คิดราคาต่อหัวกับรีสอร์ทที่พักทั้งหลาย ส่วนใหญ่เลือกได้ว่าจะเริ่มแพ็คเกจที่ใด ปกติแพ็คเกจตั้งต้นที่อุ้มผาง เริ่มต้นประมาณ 2,000 บาท จากแม่สอด 2,500 บาท จาก กทม. 3,500 บาท เป็นราคาต่อหัวสำหรับกรุ๊ปสัก 8-10 คน โดยราคาอาจผันผวนบวกลบขึ้นอยู่จำนวนวัน เที่ยวที่ไหนบ้าง กินอาหารอะไร รวมถึงจำนวนคนด้วย

ยกตัวอย่าง เมื่อสอบถามราคาแพ็คเกจสามวันสองคืนของรีสอร์ทสองแห่งที่ต่างกัน เราอาจไม่รู้ว่ารีสอร์ทที่คิดแพงกว่าจัดเตรียมอาหารดีๆ ส่วนรีสอร์ทถูกกว่ามีอาหารด้อยกว่า เช่นเดียวกับการต่อรองราคาแพ็คเกจ ซึ่งเป็นไปได้ว่าราคาที่ถูกลง อาจทำให้จำนวนอาหารลดลง มีการเปลี่ยนชนิดอาหาร หรือลดจำนวนสถานที่เที่ยว

อย่างไรก็ตามใครที่ชื่นชอบการเที่ยวตามใจโดยไม่พึ่งแพ็คเกจ สามารถติดต่อล่องเรือยาง รถนำเที่ยวน้ำตกทีลอซู น้ำตกปะหละทะ (ทั้งสองแห่งไม่เหมาะกับรถยนต์ทั่วไป) ได้จากรีสอร์ทและสหกรณ์เดินรถนำเที่ยว ราคารถขึ้นทีลอซูตั้งต้นอยู่ที่ 1,800 บาท อาจบวกเพิ่มตามสภาพถนน (หากค้างคืนเพิ่มคืนละ 500 บาท)  ไปปะหละทะประมาณ 800 บาท เรือยางหนึ่งลำล่องถึงผาเลือดประมาณ 2,500 บาท รวมคนพายสองคน ขณะที่สถานที่เที่ยวซึ่งรถยนต์ทั่วไปเข้าถึงอย่างเช่น ดอยหัวหมด ถ้ำตะโคะบิ ตัวอำเภออุ้มผาง สามารถเที่ยวได้เอง

นอกจากนี้ที่ควรรู้คือรีสอร์ทที่พักในอุ้มผางเกือบทั้งหมดมีลักษณะเรียบง่ายไม่หรูหรา ไม่มีเครื่องปรับอากาศ (เพราะที่เราต้องการคือผ้าห่มหนาๆ ต่างหาก) และไม่มีอาหารบริการหากไม่ได้จัดสั่งเตรียมไว้ก่อน

 


ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller


 

About the author