อัพเดตข้อมูลล่าสุด : 26 พฤษภาคม 2559
สีชังอยู่ที่ไหน
เกาะสีชังเป็นอำเภอขนาดเล็กที่สุดของประเทศ อยู่จังหวัดชลบุรี ข้ามฝากจากอำเภอศรีราชา ประมาณ 12 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะใหญ่หนึ่งเกาะคือสีชัง กับเกาะเล็กๆ รายรอบอีก 8 เกาะ
แต่แม้จะเป็นเกาะท่องเที่ยว สีชังก็ไม่เหมือนกับเกาะอื่นทั่วไป เพราะจุดขายไม่ใช่หาดทรายสวย น้ำทะเลใส ใครอยากเที่ยวที่นี่ต้องทำความเข้าใจข้อนี้เสียก่อน สีชังเป็นเกาะชุมชน มีจุดเด่นเรื่องจุดชมวิว วิถีชีวิต ศาสนาความเชื่อ ความเงียบสงบ รวมถึงประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ โดยเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก พระราชโอรสองค์ในรัชกาลที่ 5
ข้ามฟากที่เกาะลอย
ท่าเรือข้ามไปสีชังมีแห่งเดียว คือท่าเรือเกาะลอย อำเภอศรีราชา เดินทางด้วยสาธารณะจากไหนก็ตามแต่ให้มาลงสี่แยกวัดวังหิน ติดกับที่ว่าการอำเภอศรีราชา แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปท่าเรือ 20 บาท พี่วินแทบจะส่งเทียบเรือเชียวล่ะ หรือหากนั่งรถตู้จาก กทม. อนุสาวรีย์ชัย บางคิวจะแวะส่งเราที่เกาะลอยด้วย
เรือโดยสารมีสองบริษัทสลับกันวิ่ง รวมกันออกทุกชั่วโมงตั้งแต่หกโมงเช้าจนรอบสุดท้ายหนึ่งทุ่ม ราคา 50 บาท ขากลับมีออกจากสีชังทุกชั่วโมง (หรือคนเต็ม) เช่นเดียวกัน
เที่ยวอย่างไร
เกาะสีชังไม่มีรถโดยสารประจำทาง วิธีเที่ยวสะดวกที่สุดคือเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ท่าเรือ ราคามาตรฐานคือเช่าภายในหนึ่งวัน 250 บาท ค้างคืน 300 บาท มาพร้อมน้ำมันเต็มถังโดยไม่ต้องเติมคืน ไม่มีค่ามัดจำ
หากขี่ไม่เป็นมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้บริการ เริ่มต้น 20 บาท ไปสถานที่ใดราคาเท่าไหร่มีบอกชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถเหมาให้พาเที่ยวรอบเกาะตามตกลงเรื่องสถานที่และราคา หรือจะเหมารถสกายแล็ป (รถเครื่องพ่วงท้ายคล้ายตุ๊กตุ๊ก) พาเที่ยวสี่จุด ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ช่องเขาขาด พระจุฑาธุชราชฐาน และหาดถ้ำพัง ในราคา 250 บาท ต่อคัน นั่งได้ 4 คน ก็ได้
พักที่ไหน
สมัยก่อนสีชังมีปัญหาเรื่องที่พักเพราะตัวเลือกไม่เยอะและค่อนข้างโทรม แต่เดี๋ยวนี้สบายใจได้เพราะการท่องเที่ยวโตขึ้นทำให้มีที่พักรีสอร์ทใหม่ผุดขึ้นมากมาย ราคาเริ่มต้นประมาณ 800 บาท ต่อคืน
หากให้แนะนำ… ลองดูเป็นตัวเลือกตามที่ผมเห็นว่าโอเคแล้วกัน
- บิ๊กเฮ้าส์ ไม่ติดทะเล แต่ใหม่ สะอาด ห้องกะทัดรัด สีสันสดใส อยู่บนถนนหลักไปทางพระจุฑาธุชราชฐาน ราคาเริ่มต้น 800 บาท มีบางห้องมองเห็นวิวทะเล
- นุ๊บนับ-หนูนา ที่พักเล็กๆ มีแค่สี่ห้อง ห้องสะอาด กว้างขวาง อยู่ในซอยเลยจากวัดถ้ำยายปริกไปเล็กน้อย ไม่ติดทะเลแต่ระเบียงหน้าห้องเห็นวิวทะเลและพระอาทิตย์ตก คืนละ 850 บาท มากกว่าหนึ่งคืนขอลดได้เล็กน้อย
- เอเดรียน วิว สะอาด น่ารัก สีสันสดใส เริ่มต้น 900 บาท ในวันธรรมดา และ 1,000 บาท ในวันหยุด อยู่ระหว่างช่องเขาขาดกับทางขึ้นมณฑปรอยพระพุทธบาท
- ไม้หยก รีสอร์ท อยู่ใกล้ทางขึ้นมณฑปรอยพระพุทธบาท เป็นบ้านเดี่ยวสี่หลังมีระเบียงชั้นบน ใหม่ สะอาด มีสวนหย่อมเล็กๆ ในรีสอร์ท เริ่มต้น 1,200 บาท ต่อสองคน พักเพิ่มได้มากที่สุดสี่คน คิดเพิ่มคนละ 300 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม ภาพถ่าย พร้อมเบอร์โทรแต่ละที่ ใช้ google เสิร์ชหาโลดมีแน่นอน หากไม่ถูกใจที่พักอื่นๆ มีอีกเพียบ ค้นหากันดูครับ
มีอะไรให้เที่ยว
พระจุฑาธุชราชฐาน
แลนด์มาร์คของเกาะสีชัง ที่นี่เป็นอดีตพระราชวังฤดูร้อนในรัชกาลที่ 5 มีจุดให้เดินเที่ยวหลายจุด ไฮไลท์คือสะพานอัษฎางค์ สะพานไม้สีขาวยื่นทอดตัวลงทะเลอันโด่งดัง เรือนริมทะเลต่างๆ ชายหาดท่าวัง พระเจดีย์สีขาววัดอัษฎางคนิมิตร จุดชมวิวเขาน้อย และพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 อีกหนึ่งจุดเด่นคือมีการปลูกต้นลีลาวดีค่อยข้างเยอะ ยามผลิดอกสะพรั่งพร้อมกันจะโรแมนติกมาก ถ้าอยากเดินเที่ยวให้ทั่วพื้นที่พระจุฑาธุชราชฐาน บอกเลยว่านานแน่ๆ อ้อ… ที่นี่เที่ยวฟรีไม่เสียค่าเข้าและไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งกาย เพราะเป็นเพียงอดีตพระราชวัง ปัจจุบันไม่ได้มีสถานะเป็นเขตพระราชฐานอีกแล้ว
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
อยู่บนเชิงเขาพระจุลจอมเกล้า ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวสีชัง เจ้าพ่อเขาใหญ่หมายถึงหินซึ่งมีลักษณะคล้ายเทพเจ้าประทับนั่ง สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงรับสั่งให้ช่างหลวงแกะสลักหินให้มีลักษณะใบหน้าชัดเจนขึ้น ก่อนต่อมาจะมีลงทาสีทองและสร้างศาลเจ้าให้สวยงาม ในพื้นที่ยังมีศาลเจ้าพ่อเห้งเจียให้กราบไหว้สักการะกันตามความเชื่อ วิวตรงนี้มองเห็นหน้าเกาะและท่าเรือถนัดตา
มณฑปรอยพระพุทธบาท
อยู่เหนือขึ้นไปจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รอยพระพุทธบาทจำลองนี้อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานนามบริเวณที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทว่าไหล่คยาสิระ เป็นจุดชมวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะ งดงามทุกเวลา ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น วิวกลางวัน แสงไฟตอนค่ำ และยังมีพระเจดีย์หินประดิษฐานอยู่ด้วย
ยอดเขาพระจุลจอมเกล้า
ยอดสูงสุดของเขาพระจุลจอมเกล้า มีบันไดปูนอย่างดีเดินขึ้นต่อมาจากรอยพระพุทธบาท เหนื่อยหน่อยแต่คุ้มค่า ข้างบนมองเห็นวิวรอบตัว 360 องศา ทิศตะวันออกเห็นศรีราชาและแหลมฉบัง ทิศใต้เห็นพัทยา เกาะล้าน เกาะไผ่ ทิศตะวันตกเป็นทะเลเปิด และในวันที่ฟ้าเปิดหากมองไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเห็นไกลถึงตึกสูงต่างๆ ของ กทม. อยู่ตรงเส้นขอบฟ้าเชียวล่ะ
ช่องอิศริยาภรณ์
อีกชื่อเรียกง่ายกว่าคือช่องเขาขาด เป็นจุดชมวิวยอดฮิตของสีชังอีกจุด และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกด้วย มีสะพานปูนเดินลงไปทะเลด้านล่างเลียบหน้าผาหินปูนเรียกว่าสะพานวชิราวุธ ความสวยงามของทะเลที่ช่องเขาขาดจะแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลตามกระแสคลื่นลม
สำนักสงฆ์ถ้ำจักรพงษ์
อยู่บนเชิงเขาขนาดย่อม เป็นสถานที่ประดิษฐานพระเหลือง หรือหลวงพ่อศรีสุขมหาจักรเพชร นอกจากกราบองค์พระเหลืองยังมีถ้ำเล็กๆ สามารถเดินลงไปกราบพระนอนอีกองค์หนึ่ง ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ (ชาวบ้านติดปากเรียกว่าวัดมากกว่า) ยังเป็นจุดชมวิวสวยๆ อีกแห่งด้วยนะ
หาดถ้ำพัง
ชายหาดเล่นน้ำแห่งเดียวบนเกาะ อยู่ในเวิ้งอ่าวอัษฎางค์ มีขนาดไม่กว้างมาก ที่นี่น้ำทะเลสวยใสที่สุดช่วงฤดูหนาวตามปกติของทะเลเมืองชล แต่เรื่องเล่นน้ำสามารถทำได้ทุกฤดูกาล มีรีสอร์ทที่พัก เตียงผ้าใบ ให้เช่าบริการ จะมาเล่นน้ำชมหรือชมวิวก็เหมาะทั้งนั้น
แหลมจักรพงษ์
จุดนิยมของนักตกปลา เป็นแหลมหินปูนอยู่ตอนเหนือของหาดถ้ำพัง หากเดินอ้อมปลายแหลมไปอีกฝากจะสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกได้เต็มตา สภาพพื้นที่ปัจจุบันดูโทรมไปสักหน่อยไม่ค่อยเชิญชวนให้มาเยือน แต่หากจังหวะเป็นช่วงอากาศดีๆ ฟ้าสวยทะเลใสก็น่ามาสูดอากาศชมวิวแถวนี้ไม่น้อย
แหลมงู-ท่ายายทิม
บอกเลยว่าที่นี่ไม่ได้สวยงามแต่มีลักษณะแปลกตา แหลมงูกับท่ายายทิมตั้งอยู่ใกล้กันตอนปลายเกาะสีชัง อดีตเป็นเหมืองแร่เก่า มีการระเบิดหิน ดูเผินๆ คล้ายกับพื้นที่รกร้างริมทะเล แต่ก็เงียบสงบ สามารถไปนั่งเล่นหรือหามุมเก๋ๆ ถ่ายรูป สุดท่ายายทิมมีเกาะเล็กๆ ชื่อเกาะยายท้าว ช่วงน้ำลงสุดสามารถเดินข้ามไปได้ (ถึงบนเกาะจะไม่ได้มีอะไรน่าสนก็เถอะนะ)
กินอะไรดี
ร้านอาหารดีๆ ของสีชังที่ฮิตติดชาร์ตเสิร์ชหาด้วย google ตามสบาย ซึ่งผมไม่รู้จะแนะนำทำไม (เพราะตังค์ไม่เคยพอกิน) ขณะที่ถ้าอยากกินประหยัดก็มีร้านริมทางให้เลือกเหมือนชุมชนทั่วไป เช่ามอเตอร์ไซค์แล้วตะลอนดูเอาเถอะ (เพราะผมก็ไม่ได้เคยกินทุกร้าน) แต่ที่อยากพูดถึงมีร้านเดียวคือ “ร้านลุงดำ” พิกัดอยู่ตรงข้ามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเกาะสีชัง เปิดตั้งแต่เช้าขายข้าวต้มหมู จากนั้นก็มีอาหารตามสั่ง ตกเย็นจะมีข้าวต้มกุ๊ย กับข้าวอร่อยทุกเมนู ร้านบ้านๆ ฝีมืออร่อยล้ำแบบบ้านๆ ราคาบ้านๆ เช่นเดียวกัน
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller