ดอยผ้าขาว แตะทะเลหมอก กอดยอดอินทนนท์

ทริปเดินทาง : 4-6 ธันวาคม 2564

ดอยผ้าขาว คือหนึ่งในยอดสูงของเทือกเขาดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ ภูเขาซึ่งสูงที่สุดของเมืองไทย ว่ากันว่าจากดอยผ้าขาวแห่งนี้ สามารถมองเห็นทะเลหมอกอำเภอแม่แจ่ม และยอดอินทนนท์ได้แบบรู้สึกเหมือนเอื้อมมือสัมผัสถึง แค่นี้ก็การันตีความน่าลองพิชิตสักครั้งแล้วใช่ไหมล่ะ

อธิบายนิดว่าบนดอยอินทนนท์ เป็นที่อยู่ของชาวเขาโดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยงหรือปกาเกอะญอมาช้านาน แต่ละเขา แต่ละดอย แต่ละหมู่บ้านจึงมีทางเดินป่าที่ชาวบ้านใช้เดินเท้าไปมามากมาย ซึ่งดอยผ้าขาวเป็นหนึ่งในนั้นแหละ มีทางขึ้นทั้งจากฝั่งจอมทองและแม่แจ่ม แต่หลังพูดคุยกับไกด์ชาวปกาเกาะญอ ผู้ดูแลเรื่องการเที่ยวดอยผ้าขาวในตอนนี้ ก็ได้ความสรุปว่าให้ขึ้น-ลงทางแม่แจ่ม เพื่อความปลอดภัยและความสะดวก ว่าไงก็ว่ากัน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

สำหรับชื่อดอยผ้าขาว ไกด์ชาวปกาเกอะญอเล่าอ้างอิงจากนิทานปรัมปราว่าในอดีตเคยมีนายพรานมาล่าสัตว์ เลี้ยงลูก อยู่บนเขาแห่งนี้ พอพรานล่ากวางได้ก็มานำเก็บไว้ที่บ้าน ปรากฎว่ามีตัวต่อฝูงหนึ่งมากัดกินทั้งกวางแล้วก็ลูกของนายพรานคนนั้น พรานจึงใช้ผ้าขาวผูกก้นตัวต่อเอาไว้เพื่อจะดูว่ารังของมันอยู่ที่ไหน จนมาพบผ้าสีขาวเกลื่อนไปหมดที่ยอดดอย ซึ่งไกด์บอกว่าทุกวันนี้ยังคงมีฤดูหาตัวต่อของชาวบ้านกันอยู่นะ


(1)

เพราะการเดินทางไปแม่แจ่มด้วยรถประจำทางอาจใช้เวลานานและไม่สะดวกนัก ทริปนี้เราเลยเหมารถตู้จาก กทม. เพื่อนฝูงหลายจังหวัดมารวมตัวแล้วไปพร้อมกัน แวะรับสมาชิกอีกเรื่อยๆ ระหว่างทาง ถึงอำเภอแม่แจ่มก็เช้าตรู่พอดี เจอกับอีกกลุ่มที่มารอล่วงหน้าเป็น 15 ชีวิต พร้อมพิชิตดอยผ้าขาว

บรรยากาศตอนที่เราเดินทางมาถึงแม่แจ่มยามเช้าคือหมอกขาวคลุมทั้งอำเภอ สภาพแบบนี้บอกเลยว่าหากอยู่บนดอยต่างๆ ที่สูงพอจะต้องเห็นทะเลหมอกสวยงามเป็นแน่

จุดนัดหมายของเรากับทีมไกด์นำเที่ยวชาวปกาเกอะญอคือหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ซึ่งก่อนจะพิชิตดอยผ้าขาว ไกด์พาพวกเราวอร์มอัพขึ้นรถกระบะไปเที่ยวม่อนหมื่นหมาก หนึ่งจุดแคมปิ้งกางเต็นท์บนภูเขาที่กำลังมาแรงมากของแม่แจ่ม อยู่ห่างตัวอำเภอไม่ถึง 10 กิโลเมตร แต่ต้องนั่งรถขึ้นเขาลุยใช้ได้เลย

เหมือนม่อนหมื่นหมากยังสูงไม่พอ เราถึงที่หมายพร้อมหมอกฟุ้งทั่วพื้นที่มองไม่เห็นวิว แต่ก็ได้บรรยากาศสดชื่น เพราะเป็นช่วงเริ่มหยุดยาวเลยคึกคัก มีที่พักและลานกางเต็นท์ให้บริการหลายจุด คราวหลังผมอาจต้องหาเวลามาลองชิลๆ บ้างซะแล้ว

ลงจากม่อนหมื่นหมากมากินข้าวเช้า เตรียมความเรียบร้อย แยกของให้ลูกหาบ จากนั้นค่อยขึ้นรถ 4×4 คันเดิมมุ่งหน้าสู่เส้นทางพิชิตดอยผ้าขาว บุกป่าฝ่าถนนหฤโหดเข้าไปทางป่าชุมชนบ้านแม่คงคา ตำบลกองแขก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยอินทนนท์

ไกด์บอกว่าเพราะวันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะกว่าปกติ เลยสมบุกสมบันพารถกระบะมาส่งให้เริ่มเดินค่อนข้างใกล้กว่าทุกครั้ง เหลือระยะทางเดินขึ้นถึงจุดตั้งแคมป์แค่ประมาณ 4 กิโลเมตร เท่านั้นเอง

ลงรถ ขึ้นเป้ พร้อมแล้วก็ออกเดิน เส้นทางชัดเจนแต่มีทางแยกอยู่เรื่อยๆ เพราะเป็นทางที่ชาวบ้านในสัญจรเป็นประจำ อีกทั้งบนนี้เป็นป่าต้นน้ำต้องดูแล มีการต่อท่อทำประปาภูเขาลงไปใช้ที่้บ้านแม่คงคา บ้านแม่หลุ กับอีกหลายพื้นที่ในตำบลกองแขก แถมพอถึงหน้าแล้งชาวบ้านก็ต้องขึ้นมาคอยระมัดระวังเรื่องไฟป่ากันอีก

ขณะที่เราแบกเป้เดิน เดิน เดิน ตามทางเล็กๆ ลูกหาบก็บิดมอเตอร์ไซค์นำสัมภาระผ่านหน้าไปทีละคัน ทีละคัน (ฮา…) เพื่อนำของไปไว้บนเชิงดอยทุ่นเวลากับกำลังในการแบก

หลังเดินตามทางซึ่งขึ้นนิดๆ ลงหน่อยๆ หลายช่วงเป็นทางราบให้พักขา ก็มาถึงจุดขึ้นเนินยาวที่จะชันไปเรื่อยจนถึงแนวสันเขาด้านบน ตรงนี้แหละลูกหาบก็จอดมอเตอร์ไซค์เพื่อแบกสัมภาระต่อ

ก้าวทีละนิดอย่างช้าๆ พ้นหนึ่งเนินก็เจออีกหนึ่งเนินและอีกหนึ่งเนิน ยังดีว่าเพราะอากาศค่อนข้างหนาวเย็นทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยมาก อีกทั้งยังมีวิวภูเขาเปิดกว้างช่วยให้ชื่นใจมีกำลังทำความสูงขึ้นไป

บ่ายโมงครึ่ง หลังจากเดินมาเพียงสองชั่วโมง พวกเรามาถึงจุดตั้งแคมป์ เพราะช่วงหยุดยาวมีนักท่องเที่ยวตั้งสี่ห้ากลุ่ม เลยต้องแบ่งที่ทางไม่ให้รบกวนกัน พวกเราขยับขึ้นมาหาที่ตั้งแคมป์กันบนเนินสูงสุด ขณะที่อีกกลุ่มปักหลักตรงลานกว้างตีนเนิน อีกส่วนอยู่แถวริมผา จับจองกันแบบตามสะดวกใจล่ะนะ

แม้จะเริ่มเดินสายโด่ง แต่เพราะระยะทางไม่ไกลและความยากไม่มากทำให้เราตั้งแคมป์กางเต็นท์เสร็จอย่างรวดเร็ว มีเวลาเหลือเฟือสำหรับทำกิจกรรมชาวแคมป์อื่นๆ โดยไม่รีบร้อน ท่ามกลางลมแรงและอุณหภูมิซึ่งลดต่ำลงเรื่อยๆ

สำหรับแหล่งน้ำ มีลำธารสายเล็กอยู่ในหุบลึกลงไปประมาณ 100 เมตร สามารถนำมาใช้ได้ น้ำใสสะอาด และอย่างที่บอกครับว่าน้ำที่นี่ใช้เป็นประปาภูเขาลงไปชุมชนข้างล่าง ฉะนั้นกรุณารักษาความสะอาดอย่างมากถึงมากที่สุดด้วยครับ

ใกล้เย็นย่ำ แทบทุกคนมาปักหลักชมพระอาทิตย์ตก ผมเล็งมุมไว้ที่เนินเขาก่อนลงถึงลานตั้งแคมป์ วิวสวย ลมแรง พอแสงหมดปุ๊บ อุณหภูมิก็ลดฮวบเกือบแตะหลักเลขตัวเดียว เป็นบรรยากาศของหน้าหนาวอย่างแท้จริง

อาหารค่ำมื้อนี้ นั่งรวมหมู่ช่วยป้องกันสายลม อากาศหนาว กับน้ำค้างแรงจัด ที่เพียงแค่ยืนนิ่งๆ นอกฟลายชีตสักนาทีก็สัมผัสถึงความเปียกเลยทีเดียว

ขณะที่บนหัวของพวกเราฟ้าเปิดสวยเผยให้เห็นหมู่ดาวกับทางช้างเผือกโดยมีแสงไฟจากตัวอำเภอแม่แจ่มเบื้องล่าง


(2)

น้ำค้างแรง อากาศหนาวระดับอุณหภูมิเลขตัวเดียว ความฝันของทุกคนก็ย่อมเป็นจริง เมื่อสิ่งที่พวกเราอยากเห็นอวดโฉมอยู่ตรงหน้ายามตื่นนอน… ทะเลหมอกลอยแน่นเต็มพื้นที่เหนือทั่้วทั้งอำเภอแม่แจ่ม

ทะเลหมอกผืนนี้คือผืนเดียวกับที่สามารถมองเห็นจากกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ เพียงแค่มองจากคนละมุม ส่วนเรื่องความสวยไม่มีใครเป็นรองใครเลย

ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย เดี๋ยวจะเสียเวลาถ่ายรูปซะเปล่าๆ (ฮา…) ถือเป็นทะเลหมอกสวยละมุนที่สุดในชีวิตของผมอีกครั้งหนึ่งเชียวล่ะ

ทะเลหมอกขึ้นทางทิศตะวันตก ส่วนทางฝั่งตะวันออกพระอาทิตย์ขึ้นอวดแสงงามไม่น้อยเหมือนกัน อย่ามองเพียงแค่หมอกเพลินจนลืมดูความสวยของดวงตะวันด้วยล่ะ

วันนี้โปรแกรมของพวกเราคือเสพสุขกับทะเลหมอกให้เต็มอิ่มในตอนเช้า ทำข้าวเช้ากินพร้อมกับทำมื้อกลางวันพกติดตัวไปคนละห่อ เพราะมีโปรแกรมเดินตัวเปล่าไปพิชิตยอดสูงสุดของดอยผ้าขาวซึ่งจะเห็นดอยอินทนนท์อยู่ใกล้ๆ อย่างชัดเจน

พวกเราเตรียมตัวพร้อมออกเดินตอนสิบโมงเศษ ระยะทางไม่ไกลนัก ผมคะเนคร่าวๆ เอาเองว่าราวสามกิโลเมตร แต่เปลืองแรงประมาณหนึ่งเพราะเราต้องข้ามเนิน ลงหุบ ไต่ขึ้นมาอีกเนิน ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาห้าหกเนินจึงจะถึงที่หมาย… ยอดทางขวานั่นแหละคือจุดที่เราจะขึ้นไปกัน

ฟ้าสวย แดดดี อากาศเย็นสบาย วิวเปิดโล่ง เดินไปพักไป หยิบกล้องมาถ่ายรูปแบบเพลินสุดใจ

เดินมาพักใหญ่ ไกด์ร้องเตือนให้เราอย่าออกนอกเส้นทาง เพราะเป็นดงหาญช้างร้อง พืชที่ดูแสนธรรมดาแต่บอกเลยว่าอันตรายอย่างแรง โดนเข้าไปทีปวดแสบปวดร้อนถึงใจจนร้องแน่นอน คิดดูขนาดช้างยังร้องแล้วคนละเหลืออะไร ผมเคยโดนครั้งหนึ่งนานมาแล้วไม่อยากโดนซ้ำสองครับ

หลังข้ามมาสักสามเนิน เราก็มาอยู่บนสันเขาซึ่งมองเห็นดอยอินทนนท์เด่นตระหง่านอย่างชัดเจน คำว่าชัดในที่นี้คือเห็นตลอดทั้งเขาแบบกระจ่างตา เห็นยอดดอย พระธาตุคู่ (นภเมทนีดลกับนภพลภูมิสิริ) กิ่วแม่ปาน รวมถึงลักษณะของอินทนนท์แบบไม่มีอะไรกั๊ก สำหรับผมเป็นภาพที่สุดยอดมาก

แต่ทางยังไม่สุดเท่านี้หรอกนะ เรายังต้องขึ้นเนินข้ามอีกเขาจึงถึงจุดหมายยอดดอยผ้าขาว ก็ก้มหน้าเดินกันต่อไป

ไม่เกินเที่ยง พวกเราก็มาอยู่จุดสูงสุดของดอยผ้าขาว ความสูงตรงนี้ทะลุ 1,900 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ไม่สูงได้ยังไงก็คิดเอาว่าเราดูดอยอินทนนท์ที่อยู่ไกลในระดับใกล้เคียงกันมาก

มองทางซ้ายคืออำเภอแม่แจ่ม ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากอำเภอสีเขียวของทุ่งนาขั้นบันไดกลายเป็นสีเหลืองของตอซังข้าวกับ (ซาก) ไร่ข้าวโพด สัญญาณของการเข้าสู่ฤดูแล้ง

มองอีกฝั่งคืออำเภอจอมทองซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติทั้งหมด มีหมู่บ้านชาวเขากระจัดกระจายอยู่ เอาจริงๆ คือมีทางเดินป่าเชื่อมถึงกันหมด จะเดินลงไปบ้านแม่กลางหลวง หรือลงถึงน้ำตกแม่ยะยังได้ แต่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยด้านการนำเที่ยว ปัจจุบันไกด์เลยให้ขึ้น-ลงทางเดียวฝั่งอำเภอแม่แจ่ม

พวกเรานั่งอาบแดดอาบลมเสพสุขกับวิวยอดดอยอินทนนท์จนพอใจค่อยเดินกลับไปจุดตั้งแคมป์ มีเวลามากมายเกินบรรยาย ใครใคร่นอนก็นอน ใครใคร่ทำอะไรก็ทำไปนะครับ (ฮา…)

จนตอนเย็นย่ำผมเดินเล่นไปรอชมพระอาทิตย์ตกอีกวันโดยเปลี่ยนมุมจากเดิม วันนี้ลมยังแรง หนาวดึ๋ง ที่แตกต่างกันเห็นจะเป็นฟ้าซึ่งเปิดโล่งขึ้นกับอากาศแห้งขึ้น ไม่มีน้ำค้างแรงแบบเมื่อวานแล้ว


(3)

เช้าวันสุดท้ายตื่นนอนก่อนสว่าง ผมสัมผัสเต็นท์ดูปรากฎว่าแห้งสนิทไม่มีน้ำค้างเกาะเลย เมื่อเป็นแบบนี้จึงไม่ประหลาดใจที่ทะเลหมอกซึ่งอลังการมากเมื่อวานจะเหลือเพียงหย่อมเดียว ทั้งที่ผ่านมาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น… นี่แหละธรรมชาติ

ทะเลหมอกมีแน่นเฉพาะตรงพื้นที่เหนือตัวอำเภอแม่แจ่ม ทว่าแสงยามเช้ายังคงละมุนละไมเหมือนเดิม

พวกเราทำลายเสบียงที่เหลือเป็นมื้อเช้า เก็บเต็นท์ เก็บแคมป์ รวมถึงจัดการขยะด้วยวิธีขุดหลุมฝังกลบขยะเปียกทั้งหมด และนำขยะเแห้งลงไปทุกชิ้น เป็นวิธีแนะนำสำหรับการเดินป่าในทุกสถานที่ครับ

ขึ้นมาทางไหนก็ลงทางนั้น ขึ้นสุดเท่าไหร่ก็ลงสุดเท่านั้นเช่นกัน เรียกว่าทิ้งดิ่งเดินลงกันสะบั้นหั่นแหลกเลยทีเดียวเชียว

ลงมาถึงตรงนี้ก็สบายแล้ว พ้นช่วงทางชันที่สุดเรียบร้อย พวกเรา 15 คน พร้อมหน้าถ่ายรูปแค่ 10 เพราะที่เหลือสับทิ้งห่างไปโน่นนนนนนน (ฮา…)

เริ่มเดินเก้าโมงนิดๆ สักสิบเอ็ดโมงก็ถึงจุดที่รถมารอรับ ไกด์บอกว่ามารับเราสูงกว่าปกติเพราะนักท่องเที่ยวเยอะจะได้รีบทยอยลง กลุ่มที่มาหลังจากเราจะต้องเดินลงไปไกลกว่านี้อีกสักกิโลสองกิโลโน่นแหละ โชคดีของเราล่ะนะ

รถกระบะพาเรากลับไปตัวอำเภอแม่แจ่ม อาบน้ำอาบท่าที่ อบต.กองแขก หาข้าวกลางวันกินแถวนั้น ก่อนอิ่มหนำแล้วจึงบอกลา บางคนกลับพร้อมรถตู้ บางคนกลับรถส่วนตัว บางคนเดินทางเที่ยวเชียงใหม่ต่อ เป็นการปิดทริปดอยฟ้าขาวในครั้งนี้ แบบที่ทุกคนล้วนแฮปปี้สุดๆ

นั่นแหละครับ เรื่องราวการแบกเป้ขึ้นเขาพิชิตดอยผ้าขาว เพื่อไปชมให้เห็นกับตาว่าดอยอินทนนท์และทะเลหมอกแห่งอำเภอแม่แจ่มช่างอลังการขนาดไหน ถือเป็นอีกเส้นทางเดินป่าที่ไม่ยากมาก สวยระดับสิบ และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวเขาและชุมชนในพื้นที่โดยรอบ

ผ่านอีกหนึ่งดอยที่เชียงใหม่ แล้วพบกันอีกไม่ช้าก็เร็ว เพราะเชียงใหม่จะผ่านไปอีกกี่ครั้งก็มีอะไรให้เที่ยวไม่ซ้ำหรอกนะ… เชื่อได้เลย


ค่าใช้จ่ายเที่ยวดอยผ้าขาว

  • ค่าไกด์นำทาง 2,500 บาท / ทริป
  • ค่าลูกหาบ 2,000 บาท / ทริป (ต่อลูกหาบ 1 คน)
  • ค่ารถ 4×4 รับ-ส่ง จากตัวอำเภอแม่แจ่ม 2,500 บาท / ทริป

รู้สักนิดก่อนเที่ยวดอยผ้าขาว

  • เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยอินทนนท์
  • ปัจจุบันให้ขึ้นและลงทางฝั่งบ้านแม่คงคา อำเภอแม่แจ่ม
  • ช่วงเหมาะกับการท่องเที่ยวคือระหว่างตุลาคม ถึงกุมภาพันธ์
  • ทริป 3 วัน 2 คืน วันที่สองเดินตัวเปล่าพิชิตยอดเขาแล้วกลับมานอนที่เดิม
  • จุดตั้งแคมป์เป็นลานโล่ง หรือสามารถตั้งแคมป์บนเนินเขา
  • มีแหล่งน้ำธรรมชาติใกล้จุดตั้งแคมป์
  • มีสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่าย แต่อาจไม่ชัดเจน ดีบ้างแย่บ้างตามสภาพอากาศ
  • ต้องการเบอร์ติดต่อไกด์นำเที่ยวชาวปกาเกาะญอ อินบ๊อกซ์มาสอบถามในเพจครับ

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
https://www.facebook.com/alifeatraveller

About the author